|
|
เว็บไซด์ที่น่าสนใจ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Tel : 089-1176534 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
 หินทิเบตฝีมือลามะ คู่แข่งจตุคามรามเทพ |
|
| |
หินทิเบตฝีมือลามะ คู่แข่งจตุคามรามเทพ [31 ม.ค. 50 - 18:59] |
| |
หิน DzI (ดีซีไอ) หรือที่ชาวตะวันตกเรียกว่า “ซีบีด” ส่วนชาวไทยเรียกกันว่า “หินทิเบต” เป็นลักษณะรูปทรงกลม-รี-เหลี่ยม มีขนาดเล็กใหญ่และสั้นยาว เขียนลวดลายด้วยสี มีรูร้อยใส่เชือกเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับ วันนี้...หินทิเบตได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยแทบทุกระดับชั้น สาขาอาชีพ
ว่ากันว่า...หินทิเบตเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง ผู้ใดนำมาใส่ติดตัว ก็จะนำไปสู่ความสำเร็จ สร้างความร่ำรวย เสริมสร้างบารมี วันนี้วางขายตามตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า
“อย่างที่เห็นวางขายอยู่นี่ ส่วนใหญ่...เมดอินไทยแลนด์”
สายใจ ไพรสว่าง อายุ 26 ปี เจ้าของแผงขายเครื่องประดับขนาดย่อมในศูนย์การค้ามีชื่อย่านประตูน้ำ บอก
หินทิเบตที่ร้าน ไม่ใช่หิน แต่เป็นพลาสติกหล่อหนักธรรมดา มีลวดลายสีสันสวยงามเด่นชัด ไม่แพ้หินของจริงที่วางขายกันในราคาหลักพัน หลักหมื่น แต่เราขายในราคาถูก อยู่ที่ 30 ถึง 180 บาท ถ้าซื้อหลายๆชิ้น ก็ลดได้อีก
สายใจ บอกว่า เหตุผลที่ไม่เอาหินจากทิเบตจริงๆมาขาย เพราะต้นทุนสูงมาก อย่างน้อยก็ต้องมีทุนสองสามแสน จนถึงหลักล้านบาท ถึงจะขายคุ้มค่า...มีกำไร ต่างกับของปลอมที่ทำในบ้านเรา มีทุนแค่สองสามพันบาทก็ซื้อมาขาย หากำไรได้แล้ว
“รับมาขาย...ต้นทุนชิ้นละ 15 บาทไปจนถึง 40 บาท แล้วแต่ขนาดเล็ก...ใหญ่... สั้น...ยาว สวยงามขนาดไหน มีให้เลือก แถมหน้าตาไม่ต่างกับของแท้”
หินทิเบต...จะเรียกกันเป็นตา ตาก็คือวงกลมๆที่เขียนด้วยสีในหิน มีตั้งแต่หนึ่งตาไปถึง 15 ตา ความหมายของแต่ละตา ก็ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเชื่อ
เหตุผลที่ต้องขายของเลียนแบบ ลูกค้าบางกลุ่มไม่ต้องการของจริง เพราะไม่เชื่อเรื่องพลังอัศจรรย์ต่างๆนานา มองว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ลูกค้ากลุ่มนี้... ซื้อไปแขวนเป็นแฟชั่น
เหตุผลสำคัญที่ลูกค้าหลายคนพูดเหมือนกัน...ไม่มีแฟชั่นอะไรที่ยั่งยืนนานนัก...นานๆ ไปความนิยมก็จะลดถอยไปตามกาลเวลา
ว่ากันถึงผู้ผลิตหินทิเบตเลียนแบบ ก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ผิดกฎหมาย
หินทิเบตไม่ได้จดลิขสิทธิ์เหมือนสินค้าอื่น เห็นตลาดมีความต้องการก็ทำออกมาขาย เอาใจลูกค้า
ใครมาถาม...ใครสนใจ ก็จะบอกเขาไปตรงๆ ว่า ไม่ใช่หินเป็นพลาสติกธรรมดา คนที่ซื้อเขาก็รู้ เพราะถ้าเป็นหินจากทิเบตจริง ราคาแค่นี้คงซื้อไม่ได้
หินทิเบต ว่ากันตามความนิยม ลูกค้ากลุ่มไหนชื่นชอบมากที่สุด?“นิยมมากที่สุดก็เป็นพวกหนุ่มสาว วัยรุ่น ชอบขนาดเล็ก ใหญ่ เอาไปร้อยเชือกทำเป็นสร้อยคล้องคอ”
ตำนานหินทิเบต หากเป็นของจริง ก็ต้องไปถามผู้ที่มีความศรัทธา
“หินทิเบตเข้ามาแพร่ในประเทศไทยได้ปี...สองปีมาแล้ว แต่ฝั่งอเมริกา ยุโรปนิยมมาหลายสิบปีแล้ว”
เสริมศักดิ์ เรืองวรพันธ์กุล วัย 45 ปี นักเล่นหินทิเบตคนหนึ่งของวงการ ว่า
“เสริมศักดิ์เล่นหินทิเบตของเก่า อายุ 80 ถึง 100 ปี ราคา 1-2 แสนบาท เขาไม่รู้ว่า ใครจะเป็นผู้นำมาไทยคนแรก...แต่เชื่อว่า เป็นกลุ่มทัวร์ท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวทิเบต
วิธีขาย แน่นอน คนขายก็ต้องพูดถึงแต่สิ่งดี พรรณนาไปตามความเชื่อ”
หินทิเบตจะเล่นกันเป็นของเก่า เหมือนเครื่องลายคราม ถ้วยจานชามในสมัยโบราณ ไม่ต่างกับวงการพระเครื่อง หินทิเบตบางชิ้น มีอายุการสร้างมานับร้อยๆปี มีการปลุกเสกจากลามะ หรือไดลามะ ในแต่ละรุ่นจากอดีตถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันพระทิเบตก็ยังทำและปลุกเสกออกจำหน่าย ชาวทิเบตถือกันว่า หินทิเบตเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ บางคนบางกลุ่มก็เรียกว่า หินจากสวรรค์
แต่แท้ที่จริงเป็นหินที่ทำจากหินอาเกต นำมาแกะด้วยมือ ใช้เครื่องมือทำสีลวดลาย ทาด้วยยางไม้ชนิดหนึ่ง แล้วนำไปอบนาน 26 ถึง 30 ชั่วโมง
“อบเสร็จก็นำมาผึ่งลมจนเย็น แล้วค่อยมาเจาะรู เอาไว้ร้อยเชือก ต่อจากนั้นก็รวบรวมมาให้พระลามะปลุกเสก...เพื่อเสริมแรงศรัทธา สร้างความขลัง”
ที่มาที่ไปของหินทิเบตมีเรื่องเล่ามากมาย เชื่อถือกันมานานกว่า 1,000 ปี ใครที่ได้ไปเที่ยวทิเบตก็คงได้เห็นหินเหล่านี้วางจำหน่าย ในราคาถูกทั่วไป
แต่...ถ้าเป็นหินที่ทำมาช้านาน ราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ
หินทิเบตจำนวนหนึ่ง ที่ทะลักเข้ามาขายในเมืองไทยนั้น ถ้าเป็นประเภทเก่าจริง...ก็แพง ใหม่หน่อย...ก็จะถูกลง ขายกันชิ้นละพันกว่าบาทก็มี
การดูหินทิเบตต้องดูด้วยแว่นขยาย หรือแว่นส่องพระ และต้องมีความชำนาญในเรื่องดูของเก่าเป็นพื้นฐานอยู่บ้าง
ส่วนเรื่องความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ...เป็นเรื่องของแต่ละคน
“ลูกค้าที่ยอมจ่ายเงินหลักหมื่นๆบาท เขาก็เชื่อจากผู้ขายว่า มีแล้วจะดีอย่างนั้น...อย่างนี้ ลูกค้าส่วนมากต่างก็ไม่มีความรู้ในเรื่องหินทิเบตมาก่อน เห็นใครมีก็ต้องการมีบ้าง โดยเฉพาะเศรษฐีมีเงิน นักธุรกิจการค้า กระทั่งดารา นักยามที่เศรษฐกิจกำลังตกสะเก็ด ชีวิตเช้าจดเย็นมีแต่ความวุ่นวาย หาความปลอดภัยในชีวิตแทบจะไม่มี คนส่วนใหญ่ต่างก็ไขว่คว้าหาที่พึ่ง โดยเฉพาะที่พึ่งทางใจ ต้องหาเครื่องคุ้มกันมาป้องกันตัว และกิจการ ของตัวเอง
ตลาดพระเครื่องเมืองไทยขณะนี้ วัตถุมงคลจตุคามรามเทพกำลังมาแรง องค์ที่แพงที่สุด ว่ากันว่าราคาเป็นล้าน รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่ทำออกมา ถ้าพิธีกรรมปลุกเสกดี ขายได้ราคาดี
จึงไม่แปลก ระยะนี้...หินของจริงจากทิเบต จึงขายดี
หินทิเบตแบบไม่มีตา ตั้งชื่อเรียกกันไปตามลวดลายของสี อาทิ  หินดินฟ้า หินโภคทรัพย์ หินดอกบัว หินใบโพธิ์ หินตะขอ หินผู้สูงศักดิ์ หินเขี้ยวเสือ หินหมวกลามะ
ตัวอย่างเกี่ยวกับความเชื่อ...หิน 15 ตา ถ้านำมาบูชาบนหิ้ง หรือนำมาใส่คอ จะพบความก้าวหน้าในการงาน เป็นการเสริมดวงให้แก่ผู้นั้น เหมาะกับนักธุรกิจ นักปกครอง ตำรวจ ทหารและพลเรือน ถือเป็นหินในรูปแบบครอบจักรวาล
หินทิเบตในรูปตามังกร...คนนิยมมาก นอกจากป้องกันภัยต่างๆแล้ว จะช่วยให้ไม่มีใครคิดปองร้าย มาทำลายชื่อเสียง ชีวิตจะเป็นอยู่อย่างสุขสบาย
เสริมศักดิ์ บอกอีกว่า การสวมใส่หินทิเบตอย่างถูกต้อง ต่างกับการสวมพระเครื่อง...พระเครื่องจะแขวนคออย่างไรก็ได้ จะอยู่นอกเสื้อหรือในเสื้อไม่มีปัญหา แต่หินทิเบตต้องห้อยติดกับเนื้อตัว เพื่อให้อานุภาพของหินซึมซับเข้าสู่ร่างกาย
“ข้อนี้...เท็จจริงอย่างไร เป็นเรื่องที่ไม่กล้ายืนยัน” เสริมศักดิ์ ว่า “บางคนแขวนติดเนื้อตลอด แต่ก็ไม่มีผลดีในความตั้งใจอะไรเลย จนบางคน ถึงกับเลิกแขวนไปก็มี” ประสบการณ์ผู้ใช้หินทิเบตมีมากมาย ทั้งดีขึ้น ดีขึ้นมาก และแย่ลง... แย่ลงมากๆ
เพื่อนคนหนึ่ง เปิดร้านอาหารในทำเลที่ดีมาก ใครเห็นก็อยากเข้ามาอุดหนุน แต่ทุกวันกลับขายขาดทุน เป็นหนี้เป็นสิน มีแต่เรื่อง ครอบครัวไม่มีความสุข เผอิญไปซื้อหินทิเบต หิน 5 ตาของแท้...ตามคำแนะนำของญาติ ราคา 7,000 บาท
ปรากฏว่า ซื้อมาได้ 1 เดือน ลูกค้าก็น้อยลง จนร้านอาหารต้องปิด
ญาติใกล้ตัวคนหนึ่ง เป็นข้าราชการ ฐานะการเงินไม่ดี จึงประกาศขายที่ดินย่านลาดพร้าว 100 ตร.ว. มา 10 ปีแล้ว แต่หาคนซื้อไม่ได้สักราย เพราะที่ไม่สวย ทางเข้าแคบ
บังเอิญไปเที่ยวห้างฯกับเพื่อน เพื่อนก็ชวนให้ซื้อหินทิเบต 5 ตา บูชาได้อาทิตย์เดียว คนที่มีที่ดินติดกันไม่รู้ไปรวยอะไรมา ก็มาติดต่อขอซื้อที่ทั้งผืนแบบง่ายๆ
ทรรศนะส่วนตัวของเสริมศักดิ์ ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่เชื่อว่า ทำดีย่อมได้ดี จะดีจะชั่วก็อยู่ที่การกระทำของเรา
“หินทิเบตถ้าเล่นเพราะความเก่าแก่ ผมเห็นด้วย แต่ถ้าเล่นเพราะสิ่งเร้นลับ ผมไม่สนับสนุน เราเป็นชาวพุทธต้องมีเหตุมีผล ไม่ควรหลงงมงายอะไรกับหิน ที่ถูกตีค่าขึ้นด้วยถ้อยคำเกินจริง”. |
|
|
|
ไทยรัฐ ปีที่ 60 ฉบับที่ 18625 วันอาทิตย์ ที่ 18 มกราคม 2552 |
|
|
|
|
|
|
สินค้าแนะนำ |
D2201 |
฿ 1999 Bth  |
D1101 |
| ฿ 1999 Bth |
D0903 |
| ฿ 1999 Bth |
D2301 |
| ฿ 1999 Bth |
D0901 |
| ฿ 1999 Bth |
|
|
|
[17/01/52] 
