เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนคงสงสัย และกำลังหาคำตอบ สำหรับท่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่านี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น แต่ก็ได้รวบรวมข้อมูลมามากเหมือนกัน และที่สำคัญโดนหลอกมาแล้วด้วย เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ถ้าถามว่าหินทิเบตแท้เป็นอย่างไรมันตอบอยากนะ เปลี่ยนเป็นหินทิเบตเก่าอายุการใช้งานเป็นพันปีข้อเน้นว่าอายุการใช้งาน เป็นหินที่ลามะผู้มีวิชาได้ทำไว้ เพื่อใช้ในการสวดมนต์และพกติดตัวอยู่ อาจจะพอตอบได้ว่าเป็นอย่างไร แต่ราคานี้ซิเป็นคำตอบที่หนาวที่สุด ต่ำ ๆ ก็เป็นแสนส่วนสูง ๆ ไม่รู้ดีกว่า

นี้เป็นรูปของหินทิเบตเก่า เขาบอกว่ามีอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ บอกง่าย ๆ ว่า
- ไม่แตกลายงา
- ผิวเรียบเสมอกันไม่นูนไม่สะดุด
- มีร่องรอยการใช้งาน
- ส่วนจูซานั้นบางเม็ดมีบางเม็ดไม่มีบอกไม่ได้ว่าเก่าจริง
แต่ที่สำคัญคือดูแล้วขลังมาก(ความรู้สึกส่วนตัว) แค่นี้ก็น่าจะพอรู้แล้วใช้ไหมครับว่าอันไหน
เก่าจริง แต่ก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกว่าแล้วที่ขายอยู่ในบ้านเราละ และที่สำคัญที่ซื้อมาละ !โอ้แม่เจ้า มันหินเป็นอะไรกันแน่ ไม่ต้องตกใจไปครับลองอ่าบทความนี้ก่อน
ในปัจจุบันมีนักสะสม หินdZiหรือที่คนไทยเรียกว่าหินทิเบต ทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ หินทิเบตที่พบเห็นและซื้อขายมีหลากหลายชนิดหลายเกรดแยกออกเป็น 5 เกรด คือ
- หินทิเบต อายุ 4-5 พันปี เป็นวัตถุโบราณหายากมากไม่มีขายในท้องตลาดและหาดูได้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น
- หินทิเบต อายุ 8-9ร้อยปีถึงพันปีขึ้นไปยังสามารถพบเห็นแต่มีราคาสูงมาก คนที่มีก็จะไม่ค่อยยอมขายเพราะเป็นของที่หายาก
- หินทิเบต ใหม่อายุตั้งแต่1ปีถึงเก่าอายุ6-7ร้อยปี ทำขึ้นโดยช่างชาวทิเบตพื้นเมืองรุ่นใหม่ ตามหมู่บ้านแถบเทือกเขาหิมาลัยที่สืบทอดวิธีการทำหินทิเบตแบบโบราณและพัฒนาเทคนิคการทำให้ทันสมัยเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่ประณีตสวยงามและมีลวดที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหิน แต่ยังคงยึดถือกรรมวิธีแบบดังเดิมคือการนำหินทิเบตที่ทำขึ้นใหม่ไปให้ลามะผู้ที่มีวิชาทำการปลุกเสก เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องรางและเครื่องประดับของชาวทิเบต มีพลังเหมือนกับหินเกรด 2 ทุกประการแต่ต่างกันที่ความเก่า ราคาหลักร้อยถึงหลักแสนตามแต่สภาพและความเก่าของชิ้นงาน
- หินทิเบตใหม่จากโรงงาน ผลิตขึ้นเพื่อการค้าจากโรงงานในประเทศทิเบตและจีนทำจากหิน อาเกต (Agate) ตามแบบโบราณและกรรมวิธีสมัยใหม่ในการผลิต ลักษณะของชิ้นงานที่ได้ลวดลายจะไม่ประณีตเท่าที่ควรแต่ขนาดของชิ้นงานจะใกล้เคียงกันและได้รูปทรงเพราะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยและผลิตคราวละมาก ๆ มีพลังในด้านการบำบัดโรคเหมือนหินเกรด 2 และ 3 เพราะทำจากหินอาเกตเหมือนกันแต่ต่างกันที่ไม่มีพลังพิเศษที่ช่วยในด้านโชคลาภ ฯลฯ เพราะไม่ได้ผ่านการปลุกเสกจากลามะ ราคาหลักร้อยถึงหลักพัน
- หินทิเบตใหม่ผลิตจากโรงงานในประเทศจีนและไต้หวันทำจากแก้ว พลาสติก เรซิ่น เซรามิก หินอ่อน ฯลฯ ใช้วิธีการทำคล้ายเครื่องปันดินเผา กระเบื้องเคลือบ ทำให้ชิ้นงานออกมาไม่เหมือนกันเลยที่เดียว ให้ความรู้สึกเหมือนงานที่ทำด้วยมือ แต่จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน ลวดลายที่ได้จะอยู่แค่ที่ผิวไม่ซึมลงไปในตัวชิ้นงาน ให้สังเกตจากผิวของลายกับตัวชิ้นงานจะต่างกันอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักอาจใกล้เคียงกันหินเพราะมีการนำหินอาเกตมาป่นรวมกับวัสดุอื่นอาทิเช่าแก้ว ให้สังเกตดูที่เนื้องานว่ามีลายธรรมชาติของหินอาเกตหรือไม่ ราคาหลักสิบถึงหลักร้อยใช้เป็นเครื่องประดับแต่ไม่มีพลังแก่ผู้สวมใส่
หินdZiที่พบเห็นและซื้อขายส่วนใหญ่เป็นหินใหม่เกรด 3 และเกรด 4 ที่ทำจากหินอาเกต (Agate) มีพลังธรรมชาติกับพลังแม่เหล็กในตัวสูงเหมือนdZiเก่าทุกประการจึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
พอจะถึงบางอ้อหรือยังครับ แต่ก็ยังสับสนอยู่ดีระหว่างหินของทิเบตกันหินที่ไม่ใช่ของทิเบต
แล้วจะอธิบายยังไงละที่นี้ เอาที่เข้าใจกันง่าย ๆ นะ ถ้าทำเป็นระบบโรงงานแล้วจะต้องทำคราวละมาก ๆ และขนาดจะเท่ากันเกือบหมด มีหลายขนาด ที่สำคัญต้องใช้วัสดุที่มีต้นทุนต่ำ (ธรรมดาเพื่อแสวงหากำไร) ซึ่งไม่ใช่หินอาเกตแท้แน่เพราะทุนสูงเกินไป อาจนำมาบดรวมกับวัสดุอื่น ( แก้ว,หินอ่อน) แล้วอัดใหม่ อันนี้ยิ่งดูง่ายมาก เหมือนนิลจีนแดงที่นำมาอัดใหม่กับนิลเมืองกาญที่แวววาวกว่าเพราะเจียรไนด้วยมือ ดังนั้นให้สังเกตละกันว่าเป็นงานทำมือหรือเปล่า
ทีนี้ก็ตัดปัญหาเรื่องหินที่ทำจากโรงงานได้แล้วใช้ไหม ส่วนงานมือนั้นให้ดูที่ความประณีตของ
ชิ้นงาน สรุปแล้วอ่านมาตั้งนานก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าหินทิเบตแท้เป็นอย่างไร ก็ผมบอกแล้วว่ามันตอบยาก แต่ถ้าคุณเชื่อว่า
- ไม้กางเขนไม่ว่าอันไหนก็สื่อถึงพระเจ้าองค์เดียวกัน
- จตุคามองค์ไหนก็เหมือนกันเพราะสื่อถึงองค์จตุคามองค์เดียวกัน
- ทองไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ก็คือทอง (แต่ทองเก่าแพงกว่า)
- พระเครื่องรุ่น 1 และรุ่น 2 ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน
- ฯลฯ
ก็สรุปได้ว่าหินเก่าหรือหินใหม่ก็เป็นหินทิเบตเหมือนกัน ขอให้เป็นหินอา
เกตแท้ก็น่าจะพอ และขอให้สวยถูกใจใส่แล้วเท่ก็พอ เพราะใส่เองใช้เองเดี๋ยวก็เก่าเอง แต่ถ้าคุณเชื่อเรื่องโชคลาภละก็ต้องอ่านต่อให้จบ
- ชาวทิเบตยุคปัจจุบันยังทำหินทิเบตและนำไปให้ลามะปลุกเสกอยู่
- ทิเบตมีความสัมพันธุ์กับอินเดียและจีนมาก่อนอาจได้รับอารยธรรมมาบ้าง
- การทำหินทิเบตก็ต้องเผา การทำจานกระเบื้องก็ต้องเผา สามารถนำเทคนิคมารวมกันได้
- จานกระเบื้อง(จีน)แตกลายงาทั้งใบแต่หินทิเบตแตกลายงาเฉพาะลาย (เรียกว่าฝีมือ)
- ถึงชาวทิเบตจะล้าหลังแต่ก็มีฝีมือทางศิลปะ ดูได้จากวัดวาอารามต่าง ๆ และพระราชวังโปตาลา เพราะฉะนั้นก็สามารถทำหินทิเบตสวย ๆ ได้เหมือนกัน
- สมัยก่อนแกะสลักไม่เป็น แต่ของมันฝึกกันได้
สรุปได้ว่าปัจจุบันยังมีการทำหินทิเบตตามกรรมวิธีแบบโบราณอยู่โดยช่างฝีมือชาวทิเบตที่สืบทอดวิชามาจากบรรพบุรุษ และได้มีการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน จึงยังพอสามารถพบเห็นได้ตามหมู่บ้านแถบเทือกเขาหิมาลัย แต่ที่นักท่องเที่ยวพบเห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวนั้นเป็นหินที่ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นของที่ระลึก
ข้อความทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษา ไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กันท่านเองว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ
…ไม่เก่าแต่เก๋า…
|